สถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความตึงเครียดในเวทีระหว่างประเทศได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดหรือมีความเอนเอียงทางการเมืองที่ชัดเจน
ทำความเข้าใจ “Political Stress Syndrome”
ปรากฏการณ์ที่นักจิตเวชเรียกว่า Political Stress Syndrome (PSS) หรือ “ภาวะเครียดจากสถานการณ์การเมือง” เป็นปฏิกิริยาทางจิตใจที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลรับภาระความเครียดจากเหตุการณ์ทางการเมืองมากเกินไป แม้ว่าจะไม่ใช่โรคทางจิตเวชโดยตรง แต่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อคุณภาพชีวิตได้
การศึกษาชี้ให้เห็นว่าประมาณ 40% ของประชาชนอเมริกันระบุว่าการเมืองเป็นแหล่งความเครียดที่สำคัญในชีวิต และการสำรวจพบว่าประมาณหนึ่งในห้าของผู้ตอบแบบสอบถามรายงานว่าสูญเสียการนอนหลับ เหนื่อยล้า หรือมีอาการซึมเศร้าเนื่องจากการเมือง
อาการแสดงที่ควรเฝ้าระวัง
ภาวะเครียดจากการเมืองมักแสดงออกในรูปแบบต่างๆ ดังนี้:
ด้านร่างกาย:
- ปวดศีรษะหรือความตึงเครียดบริเวณแผ่นหลังและคอ
- ความรู้สึกหายใจไม่สะดวกหรือหายใจไม่เต็มปอด
- อาการใจเต้นแรงหรือใจสั่น
- ปัญหาการนอนหลับหรือการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
- อาการท้องไส้ไม่สบายหรือปวดท้อง
ด้านจิตใจ:
- ความหงุดหงิดและอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย
- ความรู้สึกโกรธแค้นหรือฉุนเฉียวที่เกิดขึ้นบ่อย
- ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่สนใจกิจกรรมที่เคยชื่นชอบ
- สมาธิสั้นและความคิดไม่จดจ่อ
- การมุ่งมั่นติดตามข้อมูลการเมืองจนเกินขอบเขต
ด้านพฤติกรรมและความสัมพันธ์:
- การโต้เถียงหรือขัดแย้งกับคนใกล้ชิดเรื่องการเมือง
- การหลีกเลี่ยงการพบปะสังสรรค์กับคนที่มีความคิดเห็นต่าง
- การแสดงออกทางอารมณ์ที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสม
- ปัญหาในการทำงานหรือการปฏิบัติหน้าที่ประจำ
ผลกระทบกว้างขวางจากการสื่อสารออนไลน์
ข้อความทางการเมืองมักถูกออกแบบมาให้ผู้คนอยู่ใน “สภาวะอารมณ์ตึงเครียด” ซึ่งส่งเสริมให้อารมณ์เป็นตัวขับเคลื่อนการตัดสินใจ แทนที่จะใช้เหตุผล การสื่อสารในสื่อสังคมออนไลน์ที่ขาดการควบคุมตนเองอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง:
ผู้ส่งข้อความ อาจใช้คำพูดที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสมโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ความขัดแย้งบานปลาย
ผู้รับข้อความ อาจรู้สึกไม่สบายใจ เกิดความวิตกกังวล หรือเครียดจนกระทบต่อสุขภาพจิต
สังคมโดยรวม อาจเกิดบรรยากาศของความแตกแยกและความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
5 แนวทางดูแลสุขภาพจิตยุคการเมืองผันผวน
1. พัฒนาความรู้เท่าทันอารมณ์ตนเอง
สังเกตและจับต้องความรู้สึกของตนเองขณะติดตามข่าวสาร หากรู้สึกเครียดหรือหงุดหงิดควรหยุดพักสักครู่
2. จัดการเวลาการรับชมข่าวอย่างเหมาะสม
กำหนดช่วงเวลาเฉพาะในการติดตามข่าวสาร หลีกเลี่ยงการดูข่าวตลอดเวลาหรือก่อนเข้านอน การรับชมเหตุการณ์ความรุนแรงหรือบาดใจซ้ำๆ อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตในระยะยาว
3. รักษาสมดุลในชีวิตประจำวัน
อย่าปล่อยให้การติดตามข่าวการเมืองมากลบล้างความสำคัญของกิจกรรมอื่นๆ เช่น การทำงาน การใช้ชีวิตครอบครัว หรือการดูแลสุขภาพ
4. เปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย
เคารพในมุมมองที่แตกต่างและหลีกเลี่ยงการโต้แย้งที่ใช้อารมณ์เป็นหลัก การฝึกสติ (mindfulness) สามารถช่วยสร้างความเชื่อมโยงและการเปิดใจรับฟังข้ามเส้นแบ่งทางการเมือง
5. ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนและการจัดการความเครียด
- นอนหลับให้เพียงพอ (7-9 ชั่วโมงต่อคืน)
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
- ฝึกสมาธิหรือเทคนิคการหายใจเพื่อคลายเครียด
- ทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
เมื่อไหร่ควรขอความช่วยเหลือ
หากอาการเครียดจากสถานการณ์การเมืองมีความรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ความสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือการทำงาน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตโดยเร็ว
สามารถติดต่อสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือขอรับบริการที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน
การดูแลสุข ภาพจิตในยุคที่ข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ เพราะการมีสุขภาพจิตที่ดีจะช่วยให้เราสามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างสร้างสรรคและยั่งยืน
🙏 ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากกรมสุขภาพจิต ด้วยความห่วงใยและปรารถนาดีอยากให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพกาย สุขภาพใจ รวมถึงสุขภาพฟันที่ดี จาก
คลินิกทันตกรรม SmileDC – คลินิกทันตกรรมสำหรับเด็กและครอบครัว
แชร์บทความนี้
เพราะการแบ่งปันคือความห่วงใยที่เรามีให้กัน…(เลือกแชร์บทความให้เพื่อนได้โดยกดปุ่มด้านล่างนี้เลยค่ะ)