เวลาออกตรวจ
ทุกวันเสาร์ที่ 1, 3 และ 5 ของเดือน
เวลา 10:00-19:00 น.
รักษารากฟัน (Root Canal Treatment) คือ การกำจัดเนื้อเยื่อและเส้นประสาทที่มีการติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน โดยมีสาเหตุมาจากฟันผุถึงโพรงประสาทฟัน จากนั้นจึงทำความสะอาดภายในรากฟันให้สะอาดปราศจากเชื้อ แล้วจึงทำการอุดปิดรากฟันและบูรณะตัวฟัน เพื่อให้ฟันซี่ที่ได้รับการรักษารากฟันนี้มีความแข็งแรงเหมือนฟันตามธรรมชาติ โดยการรักษารากฟันมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สามารถเก็บรักษาฟันไว้ได้ไดยไม่จำเป็นต้องถอนฟันซี่นั้นออกไป
กระบวนการรักษารากฟันด้วยการทำความสะอาดและกำจัดเชื้อจุลชีพ ทันตแพทย์จะใช้หลายวิธีร่วมกัน ทั้งการใส่ยาที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อการทำความสะอาด การขูดเอาเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออก และการล้างโพรงประสาทฟันด้วยน้ำยาที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพ ภายหลังขั้นตอนการรักษารากฟันเสร็จสิ้น ทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำการบูรณะฟันซี่นั้น ๆ ด้วยการปักเดือยฟัน และทำการครอบฟันเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันซี่นั้นแตกภายหลัง
ดังนั้น เมื่อฟันผุทะลุโพรงประสาท จึงเกิดอาการปวดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการปวดฟันตอนกลางคืน หรืออาการปวดฟันเวลารับประทานอาหาร และจะปวดต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
มาเรียนรู้เพิ่มเติมกันว่าการรักษารากฟัน คืออะไร? ราคาเท่าไหร่? รวมถึงสาเหตุ วิธีการรักษา และข้อควรปฏิบัติภายหลังการรักษารากฟันไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้ได้เลย
ก่อนอื่นเรามาดูโครงสร้างส่วนประกอบของ ฟัน และ รากฟัน ว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ชั้นเคลือบฟัน เป็นผิวฟันชั้นที่อยู่นอกสุด และเป็นชั้นที่แข็งที่สุด โดยมีหน้าที่ในการรับแรงบดเคี้ยว โครงสร้างเป็นผลึก ไม่มีทั้งเส้นประสาทและเส้นเลือด ดังนั้นเวลาเราเริ่มมีฟันผุที่ชั้นเคลือบฟันนี้ จึงยังไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใด ๆ ชั้นเคลือบฟันนี้จะช่วยปกป้องตัวฟันทั้งหมดจากการเกิดฟันผุ และเนื่องจากชั้นเคลือบฟันนี้จะไม่มีการสร้างทดแทนขึ้นมาใหม่ ดังนั้นชั้นเคลือบฟันจึงประกอบด้วยสสารที่แข็งที่สุดของร่างกายเรา เพื่อช่วยทนทานการกัดกร่อนของกรดจากการย่อยอาหารของแบคทีเรีย และทำให้ชั้นเคลือบฟันสามารถอยู่กับเราไปได้นาน
ถัดจากชั้นเคลือบฟัน ก็จะเป็นชั้นเนื้อฟัน โดยโครงสร้างในเนื้อฟันจะประกอบด้วยรูของท่อเนื้อฟันขนาดเล็ก ๆ จำนวนมาก ซึ่งเป็นที่รวมของเส้นประสาทรับความรู้สึก ดังนั้นเมื่อมีฟันผุถึงชั้นนี้ เราจะเริ่มมีอาการเสียวฟัน โดยชั้นเนื้อฟันนี้จะเป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างชั้นเคลือบฟัน และโพรงประสาทฟัน
โพรงประสาทฟัน เป็นช่องว่างที่อยู่ด้านในสุดของฟัน ประกอบด้วยเนื้อเยื่ออ่อน ๆ ที่เรียกว่าเนื้อฟันซึ่งประกอบไปด้วยเส้นประสาทรับความรู้สึก เส้นเลือดที่มาเลี้ยง และท่อน้ำเหลือง หากฟันผุถึงโพรงประสาทฟัน เชื้อโรคจากฟันผุจะเข้าไปทำลายเนื้อฟันและทำให้เนื้อฟันอักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการปวดฟันอย่างรุนแรง บางครั้งอาจมีอาการบวมหรือปวดฟันไปถึงใบหน้าหรือคอได้
เหงือก คือเนื้อเยื่ออ่อนสีชมพู ทำหน้าที่ยึดฟันไว้ในกระดูกขากรรไกรและรองรับแรงในการบดเคี้ยว เหงือกประกอบด้วยเซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เซลล์เยื่อบุผิว และเซลล์เม็ดเลือดขาว เหงือกมีต่อมน้ำลายขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วเพื่อผลิตน้ำลายที่ช่วยในการย่อยอาหารและป้องกันฟันผุ
กระดูกเบ้าฟัน มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ อยู่ภายในขากรรไกร โดยทำหน้าที่รองรับรากฟันให้ยึดติดกับขากรรไกรได้อย่างมั่นคง กระดูกเบ้าฟันจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพช่องปากเป็นอย่างมาก ลักษณะของกระดูกเบ้าฟันจะเป็นฟองน้ำ มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับแรงบดเคี้ยวได้ดี โดยกระดูกเบ้าฟันจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นตามอายุของฟัน โดยจะเริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงทารก และพัฒนาเต็มที่เมื่ออายุประมาณ 20 ปี
ทั้งนี้ส่วนของเคลือบฟันและเนื้อฟันที่โผล่ออกมาด้านบนของเหงือกจะรวมเรียกว่า ตัวฟัน (Crown) ส่วนถัดลงมา จะเรียกว่า คอฟัน (Neck) ซึ่งก็คือ บริเวณรอยต่อระหว่างตัวฟันกับรากฟัน หรือบริเวณขอบเหงือกนั่นเอง และส่วนสุดท้าย รากฟัน (Root) เป็นส่วนของฟันที่อยู่ใต้เหงือกลึกลงไปในเบ้าฟัน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เหงือกบวม เหงือกอักเสบ สาเหตุและวิธีรักษา
รากฟัน คือส่วนของฟันที่อยู่ใต้เหงือกลึกลงไปในเบ้าฟัน โดยจะฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรและถูกคลุมทับด้วยเหงือก โดยรอบของรากฟันประกอบด้วยเคลือบรากฟัน (Cementum) ที่มีสีเหลืองอ่อนเป็นส่วนชั้นนอกสุดและหุ้มรากฟันไว้ ทำหน้าที่เป็นที่ยึดให้รากฟันติดกับกระดูก โดยเคลือบรากฟันนี้จะมีความแข็งน้อยกว่าเคลือบฟัน
ภายในรากฟันจะประกอบด้วย โพรงประสาทฟันซึ่งอยู่ชั้นในสุดของฟัน เป็นศูนย์รวมของทั้งเส้นเลือดและเส้นประสาทฟัน ดังนั้นหากมีการผุจนทะลุถึงโพรงประสาทฟัน เราจะรู้สึกปวดฟันซี่นั้น ๆ นั่นเอง นอกจากนี้จำนวนรากฟันในฟันแต่ละซี่จะมีไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของฟัน เช่น ฟันหน้า จะมีรากฟัน 1 ราก ส่วนฟันกรามจะมีรากฟัน 2-4 ราก
สำหรับคำถามที่ว่า “ทำไมต้องรักษารากฟัน?” เป็นคำถามที่พบได้บ่อยและมีคนสังสัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุที่ต้องทำการรักษารากฟันนั้น ก็มาจากการที่มีฟันผุจนทะลุถึงชั้นโพรงประสาทฟัน ไม่สามารถรักษาด้วยการอุดฟันได้แล้ว จึงจำเป็นต้องรักษารากฟัน
ในกรณีที่ฟันผุจนรากฟันอักเสบ แต่ไม่ได้ทำการรักษาอย่างถูกต้อง สิ่งที่ตามมาคืออาการปวดฟันอย่างรุนแรงโดยบางคนอาจพบอาการปวดซ้ำ ๆ หรือปวดรุนแรงจนส่งผลต่อปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ นอกจากนั้นยังมักมีอาการเสียวฟันเมื่อดื่มเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น มีอาการปวดฟันเวลาเคี้ยว ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง อีกทั้งในบางครั้งอาจมีอาการอักเสบ ตุ่มหนอง เหงือกบวม ฝีหรือถุงน้ำที่ปลายรากฟัน และยังเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคอีกด้วย สุดท้ายอาจนำไปสู่การถอนฟันและสูญเสียฟันแท้ได้
ดังนั้นเมื่อรู้ตัวว่ารากฟันอักเสบ อย่ารอช้า ควรไปที่คลินิกรักษารากฟัน หรือโรงพยาบาล เพื่อปรึกษาทันตแพทย์รักษารากฟันเฉพาะทางแต่เนิ่น ๆ และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป จะช่วยลดความเสี่ยงจากการที่ฟันผุทะลุถึงโพรงประสาทฟัน ที่ทำให้รู้สึกปวดมาก และมีการอักเสบรุนแรงจนไม่สามารถรักษาเพื่อเก็บฟันซี่นั้น ๆ ไว้ได้ และจำเป็นต้องถอนฟันซี่นั้นออกไป
ขั้นตอนการรักษารากฟัน คุณหมอจะทำการกำจัดเอาแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการอักเสบออก ทำความสะอาดรากฟันหรือคลองรากฟันด้วยการใส่ยาลดการอักเสบ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายติดเชื้อไปยังบริเวณใกล้เคียง และที่สำคัญคือช่วยลดโอกาสการถอนฟันแท้ออกไป ทำให้เรายังสามารถเก็บฟันแท้ซึ่นั้น ๆ เอาไว้ได้นั่นเอง
สำหรับสัญญาณเตือนที่บอกให้เรารู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจำเป็นจะต้องไปคลินิกรักษารากฟัน เพื่อทำการรักษา สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง ดังต่อไปนี้
ให้รีบไปหาทันตแพทย์โดยด่วน หากพบว่าในช่องปากมีฟันที่ผุมาก มีการผุลึก หรือผุต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน จนทำให้รอยผุลุกลามไปยังโพรงประสาทฟัน และไม่สามารถทำการอุดฟันด้วยวิธีการปกติได้
ฟันที่ได้รับอุบัติเหตุ เกิดการกระทบกระแทกบริเวณตัวฟัน จนทำให้ฟันซี่นั้น ๆ ตาย ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากสีของตัวฟัน ที่จะมีสีเปลี่ยนไปจากสีของเนื้อฟันปกติเป็นสีดำคล้ำ
ฟันแตก เป็นอีกหนึ่งข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าควรต้องรักษารากฟัน โดยกรณีที่มีฟันแตกในลักษณะนี้ มักจะมีสาเหตุหลักมาจากการมีของแข็งมากระแทกที่ตัวฟัน มีลักษณะการเคี้ยวที่รุนแรง หรือนิสัยการชอบกัดอาหารแข็ง เช่น น้ำแข็ง หรือ กระดูกอ่อน เป็นต้น
ในบางกรณี ทันตแพทย์อาจพิจารณาส่งรักษารากฟัน ก่อนการครอบฟัน ไม่ว่าจะเป็นการทำครอบฟันแท้สำหรับผู้ใหญ่ หรือการทำครอบฟันน้ำนมในเด็กเล็ก เนื่องจากในกระบวนการกรอแต่งฟันก่อนการครอบฟัน อาจต้องมีการกรอเนื้อฟันออกมาก จนมีโอกาสสัมผัสโดนโพรงประสาทฟัน ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านครอบฟัน จึงมีความจำเป็นต้องรักษารากฟันในฟันซี่ดังกล่าว
ฟันร้าวก็เป็นสัญญาณเตือนว่าควรต้องรักษารากฟันเช่นกัน โดยสามารถสังเหตุเห็นได้ แต่อาจจะไม่ชัดเจนเท่ากับกรณีของฟันแตก ฟันร้าวมักเกิดขึ้นเนื่องจากพฤติกรรมชอบกัดของแข็ง หรือใช้ฟันอย่างรุนแรง จนอาจทำให้เนื้อฟันเกิดเป็นรอยแยกหรือเกิดการร้าวได้ โดยรอยร้าวดังกล่าวจะเป็นช่องว่างให้เชื้อโรคจากภายนอก ซึมเข้าสู่ตัวฟัน และเกิดการติดเชื้อบริเวณโพรงประสาทฟัน ทำให้ฟันซี่นั้น ๆ เกิดการปวดในที่สุด
สำหรับผู้ที่มีอาการของโรคเหงือกที่ไม่ได้รับการรักษา อาจมีการติดเชื้อย้อนจากบริเวณร่องเหงือกเข้าสู่ปลายรากฟัน ส่งผลให้เกิดรากฟันอักเสบ ที่จะตามมาด้วยอาการปวด ซึ่งต้องรีบรักษารากฟันโดยด่วน
ทั้ง 6 สัญญาณเตือนนี้ล้วนส่งผลให้เกิดการอักเสบของโพรงประสาทฟัน และเกิดการติดเชื้อ ทำให้รู้สึกปวดทรมาน และบอกให้เราได้รู้ว่าฟันซี่นั้น ๆ สมควรต้องได้รับการรักษารากฟัน
หลังจากที่เราได้รู้ถึงสาเหตุสำคัญว่า ทำไมต้องรักษารากฟันกันไปแล้ว ต่อไปเรามาดูข้อดีของการรักษารากฟัน ซึ่งจะทำให้เราสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจเพื่อรักษารากฟันได้
การรักษารากฟัน มีเป้าหมายเพื่อทำการรักษาและเก็บฟันที่ผุถึงโพรงประสาทฟันซึ่งอาจต้องถอนออกหากไม่ได้รับการรักษาฟัน โดยการรักษารากฟันเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการถอนฟัน นอกจากนี้หากได้รับการรักษาโดยทันตแพทย์เฉพาะทางรักษารากฟัน ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จในการรักษาสูงมาก และเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อเก็บฟันแท้ของเราเองไว้ให้แข็งแรง สามารถใช้เคี้ยวอาหารได้ต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องใส่ฟันปลอม
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการรักษารากฟัน ก็จะมีการครอบฟันหรืออุดฟัน โดยใช้วัสดุที่มีสีเหมือนเนื้อฟันจริง ทำให้เราไม่จำเป็นต้องถอนฟัน และเปลี่ยนไปใส่ฟันปลอม ซึ่งอาจจะมีวิธีการดูแลรักษาที่ยากกว่าฟันจริง นอกจากนี้ การรักษารากฟันและครอบฟัน ยังมีส่วนช่วยเสริมบุคลิกภาพสำหรับการสร้างรอยยิ้มที่ขาวสดใส และยิ้มได้อย่างมั่นใจ
การรักษารากฟันสามารถช่วยป้องกันกระดูกขากรรไกรเสื่อมได้ โดยจะช่วยให้กระดูกขากรรไกรในช่องปากของเรายังคงรูปอยู่ได้ดี ทั้งนี้หากมีการถอนฟันแท้ออกไปโดยที่เราไม่มีฟันแล้ว กระดูกขากรรไกรจะมีความสูงและความหนาแน่นน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอาจนำไปสู่การที่โหนกแก้มยุบลง และอาจจะทำให้มีรูปใบหน้าที่เปลี่ยนไปได้
การติดเชื้อในช่องฟันทำให้เกิดอาการปวดฟัน หรือฟันผุ อย่างไรก็ตาม แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อจะถูกกำจัดออกในระหว่างการรักษารากฟัน และฟื้นฟูฟันให้กลับสู่สภาพเดิมได้ นอกจากนี้ ฟันที่สะอาดและได้รับการฆ่าเชื้อหลังจากที่แบคทีเรียถูกกำจัดออกไปแล้ว ยังช่วยยับยั้งการแพร่กระจายการติดเชื้อจากแบคทีเรียไปยังฟันซี่ใกล้เคียงอีกด้วย
ผู้ที่ฟันผุอาจมีความเสี่ยงจะเกิดอาการแทรกซ้อนทางสุขภาพมากขึ้น เช่น ภาวะสมองเสื่อม การติดเชื้อทางเดินหายใจ เบาหวาน การติดเชื้อในทางเดินอาหาร โรคหัวใจ และปัญหาด้านสุขภาพอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม หากคุณมีฟันผุที่มีการติดเชื้อในโพรงประสาทรากฟัน และได้รับการตรวจ รวมถึงรักษารากฟันโดยทันตแพทย์เฉพาะทางจึงย่อมส่งผลดี ดังนั้นจึงแนะนำว่าให้รีบไปพบทันตแพทย์เฉพาะทาง เพื่อเป็นการช่วยปรับปรุงสุขภาพช่องปากและส่งเสริมสุขภาพทั่วไปในระยะยาว
เนื่องจากวิธีรักษารากฟันมีความสลับซับซ้อนสูง ราคาจึงแพงกว่าการถอนฟัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าคุ้มค่า โดยวิธีสามารถแบ่งเป็นขั้นตอนได้ดังต่อไปนี้
ในขั้นตอนแรก ทันตแพทย์จะทำการซักประวัติสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อดูว่ามีข้อห้ามทางสุขภาพใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษารากฟันหรือไม่ รวมถึงมีการใช้ยาชนิดใดที่มีผลต่อการรักษารากฟันบ้างไหม หากมีข้อห้ามหรือข้อบ่งชี้ดังกล่าว ทันตแพทย์มักจะส่งตัวเพื่อไปปรึกษาคุณหมอประจำตัวก่อน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม สำหรับกระบวนการรักษารากฟันต่อไป
ขั้นตอนถัดมา ทันตแพทย์จะทำการ X-Ray หรือถ่ายภาพรังสี เพื่อใช้ประกอบการวินิจฉัยในการรักษารากฟัน โดยภาพ X-Ray จะสามารถบอกถึงลักษณะของรากฟันว่า มีกี่ราก มีความยาวรากเท่าไหร่ รวมถึงมีรอยผุที่ลุกลามไปจนถึงโพรงประสาทฟันจริงหรือไม่ ในบางกรณีพบว่า ในฟันที่ผุลึก แต่ยังไม่ถึงโพรงรากฟัน ฟันซี่นั้น ๆ ก็จะสามารถรักษาโดยวิธีอื่น เช่น อุดฟัน หรือครอบฟันได้
ต่อมา ทันตแพทย์จะทำการวัดความดัน และตรวจดูความพร้อมสำหรับการฉีดยาชาเฉพาะที่ ซึ่งในผู้ที่มีความดันสูงมาก ๆ อาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อน เพื่อทำการลดความดันให้เข้าสู่ภาวะปกติ ก่อนทำการฉีดยาชา
จนมั่นใจว่า มีอาการชาลึกพอที่จะทำการรักษารากฟันได้ โดยทั่วไปยาชาจะออกฤทธิ์ชาเต็มที่ ภายหลังการฉีดประมาณ 5 – 15 นาที ซึ่งจะขึ้นอยยู่กับแต่ละบุคคล
เพื่อให้ฟันซี่ที่จะต้องทำการรักษารากฟันแยกออกจากบริเวณอื่นในช่องปาก เนื่องจากในกระบวนการรักษารากฟัน ทันตแพทย์จะมีจุดประสงค์เพื่อทำให้โครงประสาทฟัน กลับเข้าสู่ภาวะปลอดเชื้อจากจุลชีพ ถ้าหากมีน้ำลายรั่วซึมเข้ามาระหว่างกระบวนการรักษา ก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้ รวมถึง ทำให้การฆ่าเชื้อ ในโพรงประสาทฟัน ยุ่งยากมากยิ่งขึ้น
ในขั้นตอนนี้ ทันตแพทย์จะตรวจดูว่ามีรอยทะลุเข้าสู่ประสาทฟันที่บริเวณใด กว้างขนาดไหน สาเหตุ ที่ต้องกำจัดรอยผุ ออกจนหมด เนื่องจากหากปล่อยให้มีรอยผุทิ้งไว้ในฟัน ก็อาจมีโอกาสที่เกิดการติดเชื้อซ้ำจากเชื้อจุลชีพที่อยู่ภายในรอยผุของฟันได้
เมื่อมั่นใจว่าช่องปากอยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการรักษารากฟันแล้ว ทันตแพทย์จะทำการเปิดโพรงฟัน โดยขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะจะต้องเปิดไม่กว้างมากเกินไปจนทำให้เนื้อฟันที่เหลืออ่อนแอ
โดยทั่วไปจะมีวิธีวัดความยาวของรากฟันอยู่ 2 แบบ คือ การวัดด้วยเครื่องวัดความยาวรากฟัน และการวัดโดยตรงจากฟิล์มเอกซเรย์ ซึ่งทั้งสองวิธีจะมีข้อดี-ข้อจำกัดแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
ข้อดี คือ มีความแม่นยำสูง แต่ต้องใช้ความชำนาญของทันตแพทย์ในการแปลผล และตัวเครื่องมีราคาค่อนข้างสูง
ข้อดี คือ ไม่ต้องใช้เครื่องมือเสริมราคาแพง แต่ข้อด้อยหลัก ๆ คือ ในบางกรณี ฟิล์มจะมีการบิดเบี้ยว ส่งผลให้ความยาวของรากฟันในฟิล์มเอกซเรย์ไม่ตรงกับความยาวรากฟันที่แท้จริง
ความยาวของรากฟัน คือ ข้อมูลที่สำคัญเพื่อให้ทันตแพทย์ทราบว่าจะต้องทำความสะอาดรากฟัน และอุดปลายรากฟัน โดยใช้เครื่องมือยาวเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้เป็นการผลักเชื้อจุลชีพออกจากรากฟัน ไปยังกระดูกรอบ ๆ ปลายรากฟัน
โดยคุณสมบัติเด่นของวัสดุชนิดนี้คือไม่ระคายเคืองกับร่างกายและสามารถอยู่ในฟันได้เป็นระยะเวลานาน
ในขั้นตอนการรักษารากฟันขั้นสุดท้าย ทันตแพทย์จะทำการอุดฟันด้วยวัสดุอุดฟันชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการรั่วซึมของน้ำลาย หรือมีการติดเชื้อซ้ำซ้อน
ทั้งนี้ในกระบวนการวิธีรักษารากฟันข้างต้น เคสส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำให้เสร็จได้ภายในครั้งเดียว และภายหลังจากการรักษารากฟันเสร็จสิ้นแล้ว ทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ทำเดือยฟันและครอบฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันที่รักษาแล้ว เปราะ แตก หรือหักไป
หลังจากที่เราได้เรียนรู้ วิธีรักษารากฟันกันไปแล้ว สิ่งต่อไปที่ควรทราบคือการรักษารากฟันนั้นมีด้วยกันทั้งหมดกี่แบบ? ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การรักษารากฟันจะสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
สำหรับ การรักษารากฟัน โดยวิธีปกตินั้น จะมีวิธีการรักษาตามกระบวนการที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยส่วนใหญ่ของการ รักษารากฟัน จะใช้วิธีตามปกตินี้ ก็เพียงพอที่จะกำจัดการติดเชื้อ รวมถึงรักษารอยโรคที่ปลาย รากฟัน และถุงหนองต่างๆได้
สำหรับวิธีรักษารากฟันรูปแบบนี้ จะมีราคาที่แพงกว่า จะใช้ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีปกติได้ โดยวิธีนี้จะต้องมีการใช้กล้องจุลทรรศน์ทันตกรรม กล้อง Microscope เพื่อขยายการมองเห็น อีกทั้งทันตแพทย์อาจต้องมีการผ่าตัดเอาปลายราก ส่วนที่มีการติดเชื้อมาก ๆ ออกบางส่วน จากนั้นจะใช้วัสดุที่มีความปลอดภัยต่อเนื้อเยื่อรอบรากฟัน อุดย้อนเข้าไปเพื่อผนึกไม่ให้เชื้อจุลชีพย้อนเข้าสู่รากฟันได้ ดังนั้น วิธีนี้จึงจำเป็นต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะของทันตแพทย์เฉพาะทางรักษารากฟัน เพื่อเพื่มอัตราความสำเร็จ
ภายหลังการรักษารากฟัน อาจมีอาการปวดฟันได้บ้างใน 2-3 วันแรก และในบางกรณีอาจมีเหงือกบวม หรืออักเสบเล็กน้อย ซึ่งอาการปวดหรือบวมดังกล่าวนี้ จะสามารถหายไปได้เองในเวลาไม่นาน โดยในกรณีที่มีอาการปวดและบวมมาก สามารถใช้ยาแก้ปวดช่วยให้อาการทุเลาลงได้
แต่ในบางกรณีที่อาการปวดไม่ทุเลาลง อาจมีสาเหตุมาจากการทำความสะอาดไม่เพียงพอ ดังนั้น จำเป็นต้องมาพบทันตแพทย์อีกรอบหนึ่ง เพื่อทำความสะอาดคลองรากฟัน กำจัดเชื้อจุลชีพที่อาจยังหลงเหลืออยู่ออกให้หมด
รักษารากฟันราคาเท่าไหร่? นี่อาจจะเป็นอีก 1 คำถามที่หลาย ๆ คน อยากรู้คำตอบ ดังนั้น มาพบกับคำตอบสำหรับคำถามนี้ไปพร้อม ๆ กันได้เลย
ค่ารักษารากฟันจะมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของซี่ฟันว่าเป็นฟันหน้า ฟันกรามน้อย หรือฟันกรามใหญ่ รวมถึงความความรุนแรงของการอักเสบ และความยากง่ายในแต่ละเคส ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ฟันหน้าจะมีค่ารักษารากฟันถูกที่สุด ในขณะที่ฟันกรามใหญ่ที่มีจำนวนคลองรากฟันมากกว่า ก็จะมีค่ารักษารากฟันที่แพงกว่า นอกจากนี้ ค่ารักษาก็ย่อมแตกต่างกันในแต่ละคลินิกรักษารากฟันหรือโรงพยาบาล โดยสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของแต่ละแห่ง หรือปรึกษาค่าใช้จ่ายกับทางทันตแพทย์ได้ก่อนตัดสินใจทำการรักษารากฟัน
ค่ารักษารากฟันที่คลินิกทันตกรรม SmileDC จะมีความแตกต่างกันในแต่ละซี่ฟัน โดยสามารถดูได้จากตารางด้านล่างนี้ได้เลย
ราคารักษารากฟัน | ค่าบริการ (บาท) |
---|---|
ราคา รักษารากฟันหน้า | 5,000 – 7,000 |
ราคา รักษารากฟันกรามน้อย | 8,000 – 10,000 |
ราคา รักษารากฟันกรามใหญ่ | 11,000 – 13,000 |
หลังจากที่เราทราบแล้วว่ารักษารากฟันราคาเท่าไหร่ แต่นอกจากนั้น ภายหลังการรักษารากฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาจจะจำเป็นต้องทำเดือยฟันและครอบฟันร่วมด้วย ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยราคาของเดือยฟันสามารถดูได้จากตารางด้านล่างนี้
บริการทันตกรรมเฉพาะทาง | ค่าบริการ (บาท) |
---|---|
เดือยฟัน (Fiber Post) | 4,000 |
แม้ว่าการรักษารากฟันจะไม่ได้ครอบคลุมสำหรับสิทธิทำฟันประกันสังคม แต่ลูกค้ายังคงสามารถใช้สิทธิประกันสังคม-ทันตกรรมเพื่อทำฟันได้ฟรี 900 บาทต่อปี สำหรับการขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน และการผ่าฟันคุด โดยไม่ต้องสำรองจ่าย เพียงแค่พกบัตรประชาชนเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบสิทธิยืนยันการใช้สิทธิประกันสังคมได้ และเพื่อความสะดวกในการใช้บริการ สามารถจองคิวนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ โทร 096-942-0057
รักษารากฟันเจ็บไหม? – น่าจะเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ดังนั้น ไปหาคำตอบกันได้เลย
รักษารากฟัน ไม่เจ็บอย่างที่คุณคิด เพราะในขั้นตอนการรักษารากฟันจะมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ เพื่อควบคุมความเจ็บปวด โดยเมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว ก็จะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใด ๆ สำหรับในฟันทั่วไปที่มีการอักเสบไม่มาก ยาชาเฉพาะที่จะทำให้ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการรักษารากฟัน แต่มีบางกรณี เช่น ในฟันที่มีการอักเสบอยู่มากก่อนการรักษารากฟัน จะทำให้การออกฤทธิ์ของยาชาไม่เต็ม 100% จึงอาจมีอาการเจ็บระหว่างการรักษารากฟัน ได้ อย่างไรก็ตาม ทันตแพทย์จะคอยสอบถามเสมอว่ามีอาการเจ็บหรือไม่ หากยังมีอาการเจ็บแม้จะฉีดยาชาไปแล้ว ทันตแพทย์สามารถเติมยาชาเข้าไปช่วยระงับการเจ็บได้ ด้วยการฉีดยาโดยตรงเข้าไปในบริเวณโพรงประสาทฟัน ซึ่งจะช่วยหยุดการเจ็บปวดได้ทันที
ดังนั้นไม่ต้องกังวล เพราะเมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว ก็จะไม่มีความรู้สึกเจ็บเลย นอกจากนี้ อาการเจ็บในระหว่างการรักษาเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดแบบทุรนทุรายจากอาการปวดของรากฟันอักเสบเลย ดังนั้น หวังว่าคำตอบนี้น่าจะช่วยให้หลายคนคลายความกังวลใจ และสบายใจมากขึ้นที่จะรักษารากฟัน
รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามัวกังวลอยู่เลย ถ้ามีฟันที่อักเสบและจำเป็นต้องรักษารากฟัน ก็ควรจะทำนัดหมายกับคุณหมอแต่เนิ่น ๆ ตั้งแต่ยังไม่มีอาการปวด เพราะถ้ามีอาการขึ้นมาก็จะทรมานมาก ๆ และรักษายากกว่าด้วย
ระยะเวลาโดยรวมตลอดการรักษารากฟัน ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 3-6 สัปดาห์ แต่จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละเคส ทั้งนี้เพราะการรักษารากฟันเป็นขั้นตอนในการกำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อภายในรากฟัน ที่ความซับซ้อน ส่งผลให้เวลาที่ใช้ในขั้นตอนการรักษาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความซับซ้อน ความยากง่ายของแต่เคส สถานะสุขภาพช่องปาก และภาวะสุขภาพโดยทั่วไปของแต่ละคน
ทั้งนี้ระยะเวลาที่คุณหมอใช้ในการรักษาแต่ละครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง/ครั้ง ซึ่งโดยปกติแล้วเคสส่วนใหญ่จะใช้เวลา 2 ครั้งในการมาพบทันตแพทย์รักษารากฟันเฉพาะทาง และมีระยะเวลาในการนัดรักษาต่อห่างกันประมาณ 1-2 สัปดาห์ เฉพาะกรณีที่เชื้อโรคยังไม่ลงไปในบริเวณปลายรากมากนัก อาจจะสามารถรักษารากฟันเสร็จได้ภายในวันเดียว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของการติดเชื้อในโพรงประสาทฟันของฟันซี่นั้น ๆ ด้วยว่า มีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด ในบางกรณีมีการติดเชื้อและอักเสบมากหรือมีหนองที่ราก ก็อาจจำเป็นต้องใช้เวลาในการรักษาที่มากขึ้น
รักษารากฟัน คือ การกระบวนการกำจัดการติดเชื้อในบริเวณ โพรงประสาทรากฟัน หรือ คลองรากฟัน ที่ปกติจะเป็นจุดที่สะอาดที่สุดของฟัน เนื่องจากมีเนื้อเยื่อฟันที่แข็งแรง ล้อมรอบบริเวณรากฟันเอาไว้ โดยกระบวน การรักษารากฟัน จะมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้ บริเวณโพรงประสาทฟัน กลับเข้าสู่สภาวะปลอดเชื้อ เหมือนในฟันปกติ
ในขั้นตอนของการรักษารากฟัน จะมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ เพื่อควบคุมความเจ็บปวด ในฟันที่มีการอักเสบอยู่มาก ก่อนการรักษารากฟัน จะทำให้การออกฤทธิ์ของยาชาไม่เต็ม 100% จึงอาจมีอาการเจ็บระหว่างการรักษารากฟัน ได้ แต่ในฟันที่มีการอักเสบไม่มาก ยาชาเฉพาะที่จะทำให้ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการรักษารากฟัน ทั้งนี้ทันตแพทย์จะคอยสอบถามเสมอว่ามีอาการเจ็บหรือไม่ หากยังมีอาการเจ็บแม้จะฉีดยาชาไปแล้ว ทันตแพทย์สามารถเติมยาชาเข้าไปช่วยระงับการเจ็บได้ โดยการฉีดยาโดยตรงเข้าไปในบริเวณโพรงประสาทฟัน ซึ่งจะช่วยหยุดการเจ็บปวดได้ทันที
ในบางกรณี ฟันที่ผุจนถึงรากฟัน หรือแตกทะลุโพรงประสาทฟัน ก็อาจที่จะไม่รู้สึกเจ็บปวดได้เช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา เนื่องจากฟันลักษณะดังกล่าวนี้เป็นเสมือนระเบิดเวลา ที่รอเวลาปวด ดังนั้นถึงแม้ฟันที่ไม่มีอาการปวด หากมีการตรวจพบและ X-Ray เจอว่าต้องรักษารากฟัน ก็ควรจะรีบรักษาทันที ก่อนจะเกิดการสูญเสียฟันไปในที่สุด
เนื่องจากฟันที่รักษารากฟัน จะเปราะและแตกหักได้ง่ายมากกว่าฟันปกติ ดังนั้น ในการบดเคี้ยว ฟันที่มีความแข็งแรงไม่มากพออาจเกิดการแตกหักได้ ทันตแพทย์จึงมักจะแนะนำให้ทำเดือยฟันและครอบฟันภายหลังการรักษารากฟัน เพื่อเสริมความแข็งแรง คงทนจากการบดเคี้ยวให้กับฟันที่รักษารากฟันเสร็จแล้ว ซึ่งครอบฟันจะมีให้เลือกหลายประเภท ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้งาน
ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันมาแล้ว จะมีความสำเร็จในการรักษาแตกต่างกันไปตามสภาวะเดิมของฟันก่อนการรักษารากฟัน แต่ส่วนมากแล้วพบว่า จะมีอัตราความสำเร็จสูงประมาณ 80-90% จึงแปลว่าฟันซี่ที่รักษารากฟันมาแล้ว อาจอยู่ได้นานตลอดชีวิต แต่ถ้าหากฟันซี่ที่รักษารากฟัน มีสภาพฟันก่อนการรักษาที่ไม่ดีนัก อัตราความสำเร็จก็จะต่ำลง แปลว่าฟันก็จะมีโอกาสที่อายุจะสั้นลงได้เช่นกัน
การรักษารากฟัน ถึงแม้จะเป็นวิธีการที่ยุ่งยากและซับซ้อน แต่ก็มีข้อดีที่ทำให้สามารถเก็บรักษาฟันเอาไว้ในช่องปากได้ โดยการรักษาจะได้ผลสำเร็จดีที่สุด หากเจ้าของฟันให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ในขั้นตอนการรักษา มาตามเวลาที่
เนื่องจากฟันที่ได้รับการรักษาคลองรากฟันจะมีความเปราะแตกหักง่ายกว่าฟันปกติ อีกทั้งระหว่างการรักษารากฟัน ทันตแพทย์จะทำการกรอเนื้อฟันออกบางส่วน ทำให้ฟันที่เหลือมีความแข็งแรงน้อยกว่าฟันปกติ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้งานในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ภายหลังการรักษารากฟัน
เนื่องจากฟันที่พึ่งจะได้รับการรักษารากฟันเสร็จใหม่ ๆ อาจยังหลงเหลือการอักเสบ หรือการติดเชื้อภายในโพรงประสาทฟันอยู่ การทานยาแก้ปวดจะช่วยลดอาการเจ็บปวดและทำให้รู้สึกสบายขึ้นได้
ในระหว่างที่ยังรักษาคลองรากฟันไม่เสร็จสิ้น หากวัสดุอุดฟันชั่วคราวหลุดออกมา ควรรีบกลับมาพบทันตแพทย์ เพราะถ้าหากมีการรั่วซึมของน้ำลายเข้าไปในระหว่างการรักษารากฟัน จะทำให้กระบวนการรักษาเป็นไปด้วยความยุ่งยากมากขึ้น
เนื่องจากการรักษารากฟัน หรือรักษาคลองรากฟัน เป็นกระบวนการที่จะต้องทำอย่างต่อเนื่องมากกว่า 1 ครั้ง การมาพบทันตแพทย์ตามนัดจะช่วยให้กระบวนการรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเกิดผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด รวมถึงอัตราความสำเร็จในการรักษารากฟันก็จะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ภายหลังการรักษารากฟันเสร็จสิ้นแล้ว หากเนื้อฟันเหลือไม่เพียงพอที่จะทำการบูรณะด้วยการอุดฟัน ทันตแพทย์มักจะแนะนำให้กลับมาปักเดือยฟันและครอบฟัน เพื่อให้ฟันซี่นั้น ๆ สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงป้องกันการแตกหักของฟันภายหลังการรักษารากฟันอีกด้วย
อาการข้างเคียงของการรักษารากฟันที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นลำดับต้น ๆ คือ การปวดฟัน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
ส่วนใหญ่มักจะพบภายหลังจากการรักษารากฟันครั้งแรก และบางกรณีอาจพบมีการบวมอักเสบของเหงือกร่วมด้วย ซึ่งอาการปวดภายหลังจากการรักษารากฟันครั้งแรกนี้ จะพบได้บ่อยในฟันที่มีอาการปวดหรือการอักเสบมาก่อนการรักษาอยู่แล้ว ทั้งนี้ไม่ค่อยพบว่ามีอาการปวดในฟันที่ตายไปแล้ว หรือฟันที่มีตุ่มหนอง
ในการรักษารากฟันครั้งแรก ทันตแพทย์มักจะใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการกำจัดเนื้อเยื่อโพรงประสาทฟันที่ติดเชื้อออกจนหมด ร่วมไปกับการใส่ยาบรรเทาอาการปวดลงในโพรงประสาทฟัน จากนั้นล้างโพรงประสาทฟันด้วยน้ำยาที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค
แต่ในบางกรณีที่มีการอักเสบหรือการติดเชื้อมาก่อนการรักษารากฟันเป็นระยะเวลานาน หรือมีอาการปวดมาก่อนมาก ๆ การกำจัดเนื้อเยื่อโพรงประสาทที่ติดเชื้อออกจนหมด อาจเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ทันตแพทย์อาจพิจารณาเปิดโพรงประสาทฟันไว้ เพื่อให้เกิดการระบายของความดัน เพื่อลดอาการปวด แต่การทำเช่นนี้จะทำให้การรักษารากฟันในครั้งต่อ ๆ ไปยุ่งยากมากขึ้น เนื่องจากมีการปนเปื้อนของน้ำลายเข้าไปในรากฟัน ดังนั้นถ้าไม่มีความจำเป็น ทันตแพทย์จะพยายามหลีกเลี่ยงวิธีนี้ และทำการเปิดล้างคลองรากฟันหรือรากฟันซ้ำอีกครั้ง พยายามทำความสะอาดกำจัดเอาเนื้อเยื่อโพรงประสาทฟันออกเพิ่มเติม รวมไปกับการให้ยาแก้อักเสบ เพื่อลดอาการเจ็บปวดลงให้มากที่สุด
สำหรับอาการปวดภายหลังจากการรักษารากฟันเสร็จแล้ว มีสาเหตุได้หลายประการ ดังต่อไปนี้
หากเกิดการปวดเพราะกรณีดังกล่าวนี้ ทันตแพทย์จำเป็นที่จะต้องรื้อวัสดุอุดรากฟันออกแล้วทำการรักษารากฟันซ้ำใหม่ จึงจะทำให้หายปวดได้
ทำให้มีการรั่วซึมของเชื้อจุลชีพเข้าไปในโพรงรากฟันได้อีก ในกรณีนี้ อาจต้องมีการผ่าตัดปลายรากฟัน เพื่ออุดปิดบริเวณจุดที่ร้าว หรืออาจต้องถอนฟันซี่ดังกล่าวออก หากไม่สามารถซ่อมแซมจุดที่ร้าวหรือแตกหักได้
หากยังไม่ได้รับการรักษาโรคเหงือกก่อน เชื้อโรคจากร่องเหงือกอาจมีการย้อนทางเข้าไป ทำให้ติดเชื้อซ้ำในฟันที่รักษารากฟันเสร็จแล้ว
เพื่อช่วยเปรียบเทียบและเป็นข้อมูลสำหรับการตัดสินใจระหว่างทำการรักษาด้วยวิธีรักษารากฟัน กับวิธีถอนฟันและใส่ฟันปลอม มาดูข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละวิธีได้ดังต่อไปนี้
ทั้งนี้ในฟันแต่ละซี่ อาจไม่สามารถมีแผนการรักษาเหมือนกันได้ทั้งหมด ฟันบางซี่อาจไม่สามารถเก็บรักษาโดยการรักษารากฟันได้ แต่ถ้าหากฟันซี่ดังกล่าวสามารถรักษารากฟันเพื่อเก็บฟันเอาไว้ได้ก็จะเป็นวิธีที่ดีกว่าการถอนฟันและใส่ฟันปลอมนั่นเอง
นัดหมายจนเสร็จสมบูรณ์ แต่ทั้งนี้ วิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาฟันเอาไว้ในช่องปาก คือ การดูแลรักษาความสะอาดช่องปากอย่างดี แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง รวมถึงมาพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน
รักษารากฟันที่ไหนดี? เป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัย เนื่องจากการรักษารากฟันเป็นวิธีที่มีความละเอียด ซับซ้อน ดั้งนั้นจึงต้องพิจารณาอย่างละเอียดเพื่อหาคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ โดยปัจจัยในการเลือกมีดังต่อไปนี้
ปัจจัยแรก ควรพิจาณาจากประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะทางของทันตแพทย์ที่ทำการรักษา โดยสามารถตรวจสอบประวัติของทันตแพทย์ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการรักษารากฟัน และลดโอกาสเกิดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
ปัจจัยแรก ควรพิจาณาจากประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะทางของทันตแพทย์ที่ทำการรักษา โดยสามารถตรวจสอบประวัติของทันตแพทย์ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการรักษารากฟัน และลดโอกาสเกิดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
ก่อนการรักษารักษาฟัน ควรสอบถามกับทางคลินิกรักษารากฟัน ถึงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ วิธีรักษารากฟัน ไปจนถึง ค่ารักษารากฟันราคาเท่าไหร่? ให้ชัดเจน นอกจากนี้ควรคำนึงถึงการเดินทางด้วย เนื่องจากการรักษารากฟัน อาจต้องใช้เวลาในการไปพบทันตแพทย์มากกว่า 1 ครั้ง ก่อนจะเสร็จสิ้นกระบวนการรักษา ด้วยเหตุนี้ควรพิจารณาเลือกคลินิกทันตกรรมที่มีทันตแพทย์รักษารากฟันเฉพาะทาง ใกล้บ้านหรือใกล้ที่ทำงาน และสามารถปรึกษาขอคำแนะนำหรือนัดหมายล่วงหน้าได้
คลินิกทันตกรรม SmileDC มีความพร้อมให้บริการรักษารากฟัน อุ่นใจกับบุคลากรทันตแพทย์ที่จบสาขารักษารากฟันเฉพาะทาง และมีความชำนาญในการรักษารากฟัน ครบครันด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยทั้งเครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลแบบเฉพาะซี่ฟันและแบบทั้งช่องปาก กล้องส่องและเครื่องวัดระยะรากฟันแบบดิจิทัล รวมถึงเครื่องวัดความมีชีวิตของรากฟัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะมีผลอย่างมากต่อความสำเร็จของการรักษารากฟัน นอกจากนี้แล้วทางคลินิกยังใช้มาตรฐานในการทำความสะอาดเครื่องแบบเดียวกับมาตรฐานโรงพยาบาล โดยเครื่องมือทุกชิ้นต้องผ่านการทำให้ปลอดเชื้อด้วยความร้อนสูง (Sterilization) และการควบคุมการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าทุกท่าน
ทันตแพทย์เฉพาะทางรักษารากฟันของเรา ได้แก่ คุณหมอแนน (ทพญ. ณัฐธิดา ตั้งสุขสมบูรณ์) และคุณหมอเบญ (ทพญ. เบญจพร สมิทธิเศรษฐ์) ซึ่งเป็นทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการรักษารากฟันประจำคลินิก
คุณหมอรักษารากฟันทั้ง 2 ท่าน ใจดี มือเบา ให้บริการตรวจ ให้คำปรึกษา อธิบายขั้นตอนวิธีรักษารากฟัน และแจ้งราคาให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ เพื่อให้ลูกค้ามีข้อมูลอย่างครบถ้วนสำหรับการตัดสินใจก่อนทำการรักษารากฟัน ด้วยความมั่นใจในมาตรฐานเครื่องมือที่ทันสมัย ระบบปลอดเชื้อมาตรฐานโรงพยาบาล และอุ่นใจกับทีมทันตแพทย์เฉพาะทางรักษารากฟัน ที่คลินิกทันตกรรม SmileDC ของเรา
สาขา วิทยาเอนโดดอนต์ (รักษารากฟัน)
ทุกวันเสาร์ที่ 1, 3 และ 5 ของเดือน
เวลา 10:00-19:00 น.
สาขา วิทยาเอนโดดอนต์ (รักษารากฟัน)
ทุกวันพุธที่ 2 ของเดือน
ทุกวันพฤหัสบดีที่ 1, 3 และ 5 ของเดือน
เวลา 10:00-19:00 น.
จันทร์-เสาร์ | 10:00 – 19:00 น. |
อาทิตย์ | 10:00 – 12:00 น. |
คลินิกทันตกรรม SmileDC ตั้งอยู่ในโครงการดิไอเฟล บนถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก เขตสะพานสูง/รามคำแหง ฝั่งตรงข้ามวัดลาดบัวขาว ใกล้กับสุเหร่าซีรอ (ซอยมิสทีน รามคำแหง) นะคะ สามารถดูแผนที่ และกดปุ่มด้านล่างเพื่อนำทางด้วย Google Maps มายังคลินิกของเราได้เลยค่ะ