ยาสีฟันเด็ก คือผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นในการดูแลสุขภาพช่องปาก เนื่องจาก ยาสีฟัน จะช่วยในการกำจัดคราบจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่บนตัวฟัน รวมถึงทางผู้ผลิต อาจมีการผสมสารที่มีประโยชน์หลายๆอย่างเข้าไปด้วย เพื่อช่วยให้ยาสีฟันมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่ดี และป้องกันฟันผุอย่างได้ผล
ทุกวันนี้ มีคุณพ่อคุณแม่จำนวนไม่น้อย ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อย และอยากที่จะเสาะหายาสีฟันที่ดีที่สุด เพื่อมาใช้ในการดูแลสุขภาพเหงือกและฟันของลูก บทความด้านล่างนี้ จะมาบอกถึงเคล็ดลับ 5 ประการ ที่ควรจะใช้ในการเลือกซื้อยาสีฟันเด็ก, ตอบคำถามว่า ยาสีฟันเด็ก ยี่ห้อไหนดี รวมถึง จะอธิบายเกี่ยวกับ ปริมาณ ยาสีฟันเด็ก ที่เหมาะสม ในเด็กแต่ละช่วงวัย
สารบัญ – ยาสีฟันเด็ก
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจด้านล่างนี้ค่ะ
- เลือกยาสีฟันเด็ก ต้องพิจารณาอะไรบ้าง??
- ปริมาณ ยาสีฟันเด็ก ที่เหมาะสม?
- ยาสีฟันเด็ก ยี่ห้อไหนดี?!
- บทสรุปเกี่ยวกับ ยาสีฟันเด็ก
- คำถามน่ารู้เกี่ยวกับยาสีฟันเด็ก
- บริการ ทันตกรรมเด็ก
- สอบถามนัดหมาย – ทำฟัน เด็ก
- คำถามที่พบบ่อย – เวลาทำการของคลินิก
- คำถามที่พบบ่อย – คลินิกทันตกรรม SmileDC อยู่ตรงไหน?
- บทความที่เกี่ยวข้องกับ คำถามที่พบบ่อยของการทำฟันเด็ก
เลือกยาสีฟันเด็ก ต้องพิจารณาอะไรบ้าง??
5 ข้อ ที่ควรพิจารณา ว่า ยาสีฟันเด็ก ยี่ห้อไหนดี??
- ยาสีฟันเด็กที่ดี ควรมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ปริมาณความเข้มข้น 1000 ppm : ฟลูออไรด์ มีคุณสมบัติในการป้องกันฟันผุ ซึ่งการได้รับฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอจากการแปรงฟันทุกวัน จะทำให้โครงสร้างของฟันมีความแข็งแรง ต้านทานต่อการกัดกร่อนของกรด ที่เกิดจากจุลินทรีย์ในช่องปากได้ และความเข้มข้นของฟลูออไรด์ที่แนะนำโดยสมาคมทันตกรรมสำหรับเด็ก ที่ให้ใช้ตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น คือ 1000 ppm โดยปริมาณดังกล่าวนี้ จะมีการระบุอยู่ข้างกล่องของยาสีฟัน ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะเลือกซื้อ ยาสีฟันเด็ก ควรพลิกดูปริมาณฟลูออไรด์ที่ระบุไว้บนฉลาก ก่อนการตัดสินใจค่ะ
- เลือกยาสีฟันที่มีผงขัดปริมาณน้อย : ผงขัดฟัน ที่ผสมอยู่ในยาสีฟัน คือส่วนประกอบในยาสีฟันที่ไม่ละลายน้ำ มีคุณสมบัติในการกำจัดคราบต่างๆ และเศษอาหารออกจากผิวฟัน ในกรณีของยาสีฟันสำหรับเด็ก ส่วนมากจะมีสารขัดฟันในปริมาณไม่มากอยู่แล้ว เนื่องจากธรรมชาติของเด็ก ไม่ได้มีการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดคราบฟันได้มาก และหลากหลายเท่าผู้ใหญ่ แต่ทั้งนี้ ผู้ปกครองบางคน อาจเลือกยาสีฟันที่มีคุณสมบัติในการขัดฟันขาวมาใช้กับลูก ซึ่งนั่น เป็นสิ่งที่ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะฟันเด็ก จะมีความหนาของผิวเคลือบฟันน้อยกว่าของผู้ใหญ่ การใช้สารขัดฟันที่หยาบขัดถูลงไปโดยตรง อาจทำให้ฟันน้ำนมเกิดการสึกกร่อนได้
- ควรเลือก ยาสีฟันเด็กที่มีฟองน้อย : สารที่ทำให้เกิดฟอง คือโซเดียมลอริลซัลเฟต มีประโยชน์ช่วยในการละลายคราบที่สะสมบนผิวฟัน แต่สารชนิดนี้ จะไปจำกัดการดูดซึมฟลูออไรด์ และอาจจะระคายเคืองช่องปากเด็กบางคนได้ รวมถึง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในช่องปาก และสิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ หมอฟันเด็กมักจะแนะนำให้ใช้ยาสีฟันเด็กที่มีฟองน้อย เพราะจะได้ลดโอกาสที่เด็กจะกินหรือกลืนยาสีฟันลงไปในคอค่ะ
- ไม่ควรให้ลูกใช้ยาสีฟัน ที่มีส่วนผสมของสมุนไพร : เนื่องจากเด็กบางคน อาจแพ้สมุนไพรบางตัวที่ผสมอยู่ในยาสีฟัน รวมถึงอาจแพ้สารที่ใช้เพื่อสกัดเอาส่วนประกอบของสมุนไพรออกมาก็ได้ คุณพ่อคุณแม่ควรลดความเสี่ยงที่เด็กอาจเกิดการแพ้ โดยหลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันสมุนไพรกับเด็กค่ะ
- มีกลิ่นและรสชาติ ที่ถูกใจเด็ก : ยาสีฟันเด็กที่มีวางขายในท้องตลาดทุกวันนี้ มีมากมายหลากหลายยี่ห้อ และมีรสชาติที่แตกต่างกันมากมาย การเลือกยาสีฟันเด็กชนิดที่เด็กชอบ จะช่วยเพิ่มความอยากในการแปรงฟันของลูกน้อย ให้การแปรงฟัน กลายเป็นกิจกรรมที่น่าสนุกสำหรับเด็กๆ แต่ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยระวังไม่ให้ลูกกินหรือกลืนยาสีฟันเข้าไป เนื่องจากอาจทำให้สะสมในระยะยาว จนเกิดฟันตกกระ ในฟันแท้ได้ค่ะ
= = = = = = = = = = = = = = = =
ปริมาณ ยาสีฟันเด็ก ที่เหมาะสม?
การใช้ยาสีฟันในเด็ก จำเป็นที่จะต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากการใช้ยาสีฟันมากเกินไป จะเพิ่มโอกาสที่เด็กจะกินหรือกลืนยาสีฟันลงไปในคอ ซึ่งจะส่งผลเสียระยะยาว เช่น ทำให้เกิดฟันตกกระในฟันแท้
รวมถึงถ้าใช้ปริมาณยาสีฟันน้อยเกินไป ก็จะทำความสะอาดไม่ทั่วถึง มีคราบจุลินทรีย์และเศษอาหารตกค้างในช่องปากได้
ซึ่ง ปริมาณ ยาสีฟันเด็ก ที่เหมาะสม สำหรับช่วงอายุต่างๆมีดังนี้
- เด็กอายุ 6 เดือน – 3 ปี หรือ ยังมีฟันน้ำนมขึ้นไม่ครบ 20ซี่
- ปริมาณ ยาสีฟันเด็ก ที่เหมาะสม คือเป็นจุดๆ แค่พอเลอะขนแปรงเท่านั้น โดยผู้ปกครองควรเป็นผู้แปรงฟันให้ โดยใช้ท่านอน หลังจากแปรงฟันเสร็จ ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดเอายาสีฟันออกทันที
- เด็กอายุ 3 – 6 ปี หรือ เป็นวัยที่มีฟันน้ำนมครบ 20ซี่แล้ว และยังไม่มีฟันแท้ในช่องปากเลย
- แนะนำให้ใช้ ยาสีฟันเด็ก ปริมาณ เท่าแนวขวางของแปรงสีฟันเด็ก โดยไม่ต้องบีบให้ยาสีฟันปูดขึ้นมามากจนเกินไป เด็กในวัยนี้ ผู้ปกครองยังควรที่จะแปรงฟันให้อยู่ หรืออาจจะให้เด็กแปรงเองก่อน และผู้ปกครองเป็นคนดูแลความสะอาดซ้ำอีกรอบหนึ่ง จากนั้นให้บ้วนยาสีฟันออก และบ้วนน้ำตามในปริมาณน้อย หากเด็กยังบ้วนปากไม่เป็น อาจใช้ผ้าสะอาดเช็ดยาสีฟันออกภายหลังแปรงฟันเสร็จ
- เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป หรือ เริ่มมีฟันแท้ขึ้นมาในช่องปาก
- ให้ใช้ ยาสีฟันเด็ก ปริมาณ เท่าความยาวของแปรงสีฟัน โดยในช่วงวัยนี้ เด็กสามารถแปรงฟันเองได้ แต่ควรมีผู้ปกครองคอยตรวจความสะอาดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ภายหลังแปรงฟันเสร็จ ควรให้เด็กบ้วนน้ำตามในปริมาณน้อยๆค่ะ
การแปรงฟันด้วยวิธีที่ถูกต้อง ควบคู่ไปกับการเลือกใช้ยาสีฟันที่ดี ใช้ไหมขัดฟันในบริเวณที่ฟันชิดกัน รวมถึงรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ก่อให้เกิดฟันผุ จะทำให้ลูกน้อยมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ปลอดจากฟันผุได้ค่ะ
= = = = = = = = = = = = = = = =
ยาสีฟันเด็ก ยี่ห้อไหนดี?!
เป็นคำถามที่ผู้ปกครองหลายๆท่าน สงสัยมากที่สุดในการเลือกซื้อยาสีฟันให้ลูก ซึ่งคำตอบของคำถามข้อนี้ คือ ยาสีฟันยี่ห้ออะไรก็ได้ ที่อาจจะไม่ใช่ยาสีฟันที่แพงที่สุด แต่เป็นยาสีฟันที่มีคุณสมบัติครบ 5 ข้อ ตามที่แนะนำไว้ช่วงต้นของบทความ และเป็นยาสีฟันที่เด็กได้มีโอกาสเลือกกลิ่นและรสชาติด้วยตัวเอง
มีเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆจากคุณหมอฟันเด็ก เกี่ยวกับการเลือกซื้อยาสีฟันเด็ก มาฝากคุณพ่อคุณแม่ดังนี้ค่ะ
- เวลาเลือกซื้อยาสีฟันเด็ก ควรเลือกซื้อแบบหลอดเล็กก่อน เนื่องจากถ้าลูกเกิดไม่ถูกใจรสชาติของยาสีฟันขึ้นมา จะได้สามารถเปลี่ยนยี่ห้อใหม่ได้ค่ะ
- เวลาเปลี่ยน ยาสีฟันเด็กยี่ห้อใหม่ๆ คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตว่า ลูกมีอาการแพ้เกิดขึ้นหรือไม่ เช่น อาจเกิดผื่นขึ้นบริเวณรอบๆปากหรือบริเวณคาง ที่ยาสีฟันไหลย้อยลงมา หากเกิดผื่น หรือรอยแผลอักเสบบริเวณปาก หรือคาง กับเด็ก โดยที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ควรเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับยาสีฟันเด็กที่ใช้ หรือข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนยี่ห้อยาสีฟันเด็ก แจ้งให้คุณหมอทราบด้วยค่ะ
= = = = = = = = = = = = = = = =
บทสรุปเกี่ยวกับ ยาสีฟันเด็ก
การเลือกใช้ยาสีฟันเด็กที่เหมาะสม การแปรงฟันอย่างถูกวิธี การใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และไม่ก่อให้เกิดฟันผุ รวมถึงการมาพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันทุก 6 เดือน คือเคล็ดลับในการช่วยให้ลูกน้อยมีสุขภาพฟันที่ดี เพื่อให้ลูกน้อยยิ้มได้อย่างมั่นใจ และมีความสุขในการมาพบคุณหมอฟันเด็กค่ะ
= = = = = = = = = = = = = = = =
คำถามน่ารู้เกี่ยวกับยาสีฟันเด็ก
ยาสีฟันเด็กที่กลืนได้ มักจะเป็นยาสีฟันเด็กชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ซึ่งจะไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุ ส่วนมาก จะแนะนำให้ผู้ปกครองใช้ เพื่อเป็นการฝึกแปรงฟันและเช็ดเอายาสีฟันออกให้คล่อง ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันชนิดที่ผสมฟลูออไรด์ค่ะ
ยาสีฟันเด็กแบบครีมจะมีปริมาณผงขัดฟันมากกว่าแบบเจล ซึ่งจะสามารถขัดทำความสะอาดได้มากกว่า ดังนั้น ในเด็กที่มีคราบจุลินทรีย์สะสมอยู่ค่อนข้างมาก การใช้ยาสีฟันแบบครีม จะช่วยขจัดคราบสะสมที่ตัวฟันได้ดีกว่าแบบเจลค่ะ
ยาสีฟันเด็ก จะมีฟลูออไรด์เป็นส่วนผสมอยู่ การได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป จะสะสมให้เกิดผลเสียในระยะยาวได้ เช่น เกิดฟันตกกระในฟันแท้ การใช้ยาสีฟันในปริมาณที่เหมาะสมตามช่วงวัย จะลดโอกาสในการเกิดภาวะฟันตกกระได้ เนื่องจากเป็นปริมาณที่ปลอดภัย ถึงม้เด็กจะกลืนลงไป ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่ทั้งนี้ ควรฝึกเช็ดยาสีฟันให้คล่อง และสอนให้ลูกบ้วนยาสีฟันออก จะดีที่สุดค่ะ
แชร์บทความ – เพราะการแบ่งปันคือความห่วงใย
บริการทันตกรรมเด็ก
นอกเหนือจากการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกใช้ ยาสีฟันเด็ก ทาง SmileDC คลินิกทันตกรรมสมายล์ ยังมีให้บริการทันตกรรมเด็ก ด้านอื่นๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ
- ตรวจสุขภาพฟันเด็ก
- ขูดหินปูน
- เคลือบฟลูออไรด์
- อุดฟันเด็ก
- ถอนฟันน้ำนม
- เคลือบหลุมร่องฟัน
- รักษารากฟันน้ำนม
- รักษารากฟันแท้
- ครอบฟันน้ำนม
- ใส่เครื่องมือกันฟันล้ม
- ทำฟันเด็กพิเศษ
สอบถามนัดหมาย – ทำฟันเด็ก
กรณีมีคำถามเพิ่มเติม ตรวจสอบค่าบริการทันตกรรม หรือต้องการนัดหมายกับคุณหมอฟันเด็กเฉพาะทาง ที่คลินิกทันตกรรม SmileDC สามารถติดต่อได้ตามช่องทางด้านนี้เลยนะคะ ยินดีให้บริการค่ะ
คำถามที่พบบ่อย – เวลาทำการของคลินิก
จันทร์-เสาร์ | 10:00 – 19:00 น. |
อาทิตย์ | 10:00 – 12:00 น. |
คำถามที่พบบ่อย – คลินิกทันตกรรม SmileDC อยู่ตรงไหน?
คลินิกทันตกรรม SmileDC ตั้งอยู่ในโครงการดิไอเฟล บนถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก เขตสะพานสูง/รามคำแหง ฝั่งตรงข้ามวัดลาดบัวขาว ใกล้กับสุเหร่าซีรอ (ซอยมิสทีน รามคำแหง) นะคะ สามารถดูแผนที่ และกดปุ่มด้านล่างเพื่อนำทางด้วย Google Maps มายังคลินิกของเราได้เลยค่ะ